ข้อคิดจากบทเทศน์เข้าเงียบเดือนกันยายน2554

ข้อคิดจากบทเทศน์เข้าเงียบ เดือน กันยายน 2554

 


 

การเจริญชีวิตพร้อมกับพระมารดามารีย์


โดย คุณพ่อชาร์ลส์ เวลาร์โด SDB


พระวาจาของพระเจ้าเป็นที่ตั้ง


ในการตัดสินใจของเรา

 

การเจริญชีวิตต้องเป็นสิ่งที่มีชีวิต เป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ เคลื่อนไหว

พระมารดามารีย์ ไม่อยู่ในที่หรูหรา บ้านของพระมารดาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แต่พระเป็นเจ้าได้เลือก เพื่อให้กำเนิดผู้ยิ่งใหญ่

คุณพ่อการ์โล เดลลา โตร์เร ผู้ตั้งคณะฯ ของเรา ได้มองดูพระมารดามารีย์ และได้บอกได้สอนสมาชิกให้มีคุณธรรมเช่นเดียวกับพระมารดามารีย์

คุณสมบัติของพระมารดามารีย์ที่เด่นประการหนึ่งคือ พระนางรู้ตัวเองเป็นใคร เทวดาแจ้งข่าวแก่พระนางมารีย์ พระนางมารีย์ ได้ตอบกับเทวดาว่า “เราเป็นใครหนอ” สิ่งนี้เป็นพื้นฐานสู่ความก้าวหน้าในด้านความสุภาพถ่อมตน ... หลังจากหายสงสัย คำตอบของพระมารดามารีย์ คือ “ขอให้เป็นไปตามที่พระเจ้าทรงต้องการ” คำตอบนี้เป็นคำตอบเดียวกันที่เราได้ให้ในการปฏิญาณตนครั้งแรก และครั้งต่อๆ มา โดยไม่มีเงื่อนไข

ในชีวิตเรา เราติดตามอะไร “พระประสงค์ของพระเจ้า” เราต้องอุทิศตนทั้งครบแด่พระเจ้า เมื่อเราให้แล้ว อุทิศให้แล้ว เราเอากลับไม่ได้ ง่ายหรือไม่ มันเป็นสิ่งไม่ง่าย แต่เราจักต้องปฏิบัติทุกวัน

ในบทปฏิญาณ ในบรรทัดหลัง ๆ ... ขอมอบอุทิศตนทั้งครบแด่พระองค์ เพื่อตอบสนองความรักของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเรียกข้าพเจ้าให้ติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยสมัครใจเข้ามาดำเนินชีวิตนักบวช ในคณะภคินีพระราชินีมาเรียรวมทั้งประกอบภารกิจด้วยจิตตารมณ์ของคณะ ร่วมเป็นใจหนึ่งจิตเดียวกับพี่น้องสมาชิก เพื่อประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า และบรรลุความศักดิ์สิทธิ์ครบครัน ดังนั้น โดยหวังพึ่งความช่วยเหลือของพระเจ้าในความอุปถัมภ์ของพระราชินีมาเรียผู้นิรมล ของนักบุญยอแซฟ นักบุญยอห์น บอสโก และนักบุญทั้งหลาย (พระวินัยข้อ 11) เราจะเห็นว่าในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เราไม่ได้เดินคนเดียว เราไม่ได้โดดเดี่ยว เรามีผู้ช่วยมากมาย หากเราอยู่กับสมาชิกจริงๆ ปัญหาต่างๆ จะเบาลง เพราะพระมารดามารีย์ เป็นสตรีที่เข้มแข็งมาก “แม่พระอุ้มบุตรของตนเองลงจากไม้กางเขน” แม่พระเป็นผู้ที่เข้มแข็งที่สุดใต้ไม้กางเขน

ไม้กางเขนเป็นเครื่องประหารนักโทษฉกรรจ์ ในสังคมถือว่าเป็นผู้เลวทรามมาก แต่พระมารดามารีย์ไม่รังเกียจที่จะคลุกคลี

คุณพ่อการ์โล เดลลา โตร์เร ผู้ตั้งคณะฯ ให้เราทำงานกับเยาวชนผู้ยากจน มาจากครอบครัวที่ยากจน ขัดสน

คนที่ยอมเข้าใจและยอมรับสภาพของตนเอง เป็นคนสุภาพ เรามาจากดิน ต้องติดดิน เราเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก ตำแหน่ง หน้าที่ โดยเฉพาะตำแหน่งสูงๆ สิ่งเหล่านี้เพื่อรับใช้คนอื่น ผู้ชี้นิ้วไม่เหมาะกับผู้ใหญ่ในฐานะที่เป็นนักบวช แต่ต้องใช้การดำเนินชีวิตของเราเองให้เป็นแบบอย่าง

พระมารดามารีย์เป็นผู้ติดดิน เป็นชาวบ้านธรรมดา เราสามารถพูดคุยในเรื่องที่เราหนักใจได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

ตัวอย่างของพระมารดามารีย์ ที่งานเลี้ยงที่คานา ต้องแบบอย่างให้เรามองเห็นความต้อคการเของพี่น้องสมาชิกของเรา

เราจักต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันในหมู่คณะของเรา เราต้องมีความรู้สึกร่วมกับพี่น้องในหมู่คณะของเรา ทั้งในความรู้สึกทุกข์ และในความรู้สึกสุข พระวาจาของพระเจ้า เป็นวาจาที่มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปร และนำเราให้เปิดใจไปสู่ผู้อื่นได้ ไม่เช่นนั้นเราจะเห็นแก่ตัว

ในการดำเนินชีวิตขอคเรา เราเอาอะไรเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจของเรา ที่ถูกเราต้อง คือ เราต้องให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจของเรา เพราะที่นี่มีคำตอบสำหรับทุกเรื่อง และเราเป็นผู้ที่โชคดีที่เรามีโอกาสรับฟังพระวาจาทุกวัน ทำไม่พระวาจาที่เราฟังทุกวันไม่เกิดผล อุปมาเรื่องผู้หว่าน เป็นเรื่องที่สอนใจเราได้เป็นอย่างดี เราต้องพิจารณาว่าเราเป็นดินชนิดใด

ดินแข็ง : ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น เจริญชีวิตโดยไม่ต้องการพระเจ้า พึ่งตัวเองคนเดียว

ในหนัคสือกิจการอัครสาวก พระวรสารนักบุญมัทธิว พระวรสารนักบุญลูกา ใต้เชิคไม้กางเขน ในวันเปเตกอสเต เราพบว่าพระมารดามารีย์ พูดไม่กี่ประโยค แต่ชีวิตของเราพูดมาก ส่วนใหญ่เรื่องที่พูดก็เป็นเรื่องซุบซิบ

การเจริญชีวิตด้วยความเงียบ ทำให้เราสามารถมองชีวิตที่เป็นแก่นแท้ๆ คนที่พูดเยอะส่วนใหญ่เป็นคนคิดน้อย คนที่คิดมากจะเป็นคนที่พูดน้อย

หากเราสามารถเงียบ “สำรวมตัว” เราจักสามารถเข้าไปถึงส่วนลึกของชีวิต เพราะฉะนั้น ทุกคณะฯ จะกำหนดช่วงเวลาของการเงียบรำพึง เชิญพระจิตเจ้าให้ทรงช่วยเรา เพื่อเปิดประตูชีวิตของเรา และเราจะรู้ว่าอะไรเป็นจริงๆ ในชีวิตของเรา หากเราพูดตลอดเราจะไม่มีโอกาสคิด

เราได้มอบอุทิศชีวิตของเราด้วยความอิสระ หากมีอะไรที่ทำให้เราเดินช้าในการดำเนินชีวิตตามอุดมคติ เราต้องตัดทิ้ง เราไม่ต้องติดใจกับสิ่งของ “สมบัติอยู่ที่ไหนใจของเราอยู่ที่นั่น”

เราต้องเป็นอิสระ และพระมารดามารีย์เป็นกระบอกเสียงของอิสรภาพ พระมารดาสามารถยอมรับทุกคน เราต้องสามารถมองเห็นความต้องการของสมาชิกในหมู่คณะของเรา

พระมารดามารีย์รู่ข่าวนางเอลีซาแบ็ธ ตั้งครรภ์ พระมารดารีบเดินทางไปที่บ้านของนางเอลีซาแบ็ธ และปรนนิบัติรับใช้ ทั้งๆ ที่พระมารดาตั้งครรภ์ด้วยเช่นกัน ทำไมพระมารดามีความสามารถอย่างนี้ เพราะเทวดาบอก “อย่ากลัว”

เมื่อเราบวช เราก็มีความคิดคล้ายกัน “อย่ากลัวเลย” เพราะพระจิตเจ้าอยู่กับเรา

พระวาจาทรงสัญญา 2 ประการ คือ ทำให้พวกเราจำคำสอนของพระศาสนจักร และให้พลังเพื่อปฏิบัติ

การภาวนา เป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตนักบวชของเรา การสวดสายประคำ ที่เป็นลักษณะเฉพาะของคณะเราต้องเป็นการภาวนาที่มีชีวิต ชีวา

ท่าทีของเราในการภาวนา ต้องเป็นท่าทีที่มีชีวิตชีวา เพราะเป็นการภาวนาที่มาจากใจ ไม่ใช่การภาวนาที่ปาก และอาศัยการภาวนาจะทำให้จิตใจของเราสะอาด

เราอยู่เพื่อรับใช้ “เขา” โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีใครอยากไปรับใช้

พระมารดามารีย์ เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า นักบวชทุกคนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

ข้อพิสูจน์ ว่า รักพระเจ้า คือ รักเพื่อนพี่น้อง

เราต้องแน่ใจว่า พระมารดามารีย์จะไม่ปล่อยมือเรา พระมารดาจูงมือเราตลอดเวลา หากเราเอามือของเราไปสัมผัสกับมือของพระมารดา

ทุกสิ่งทุกอย่างในคณะ เป็นผลขอคความรักความศรัทธาต่อพระมารดามารีย์ ชื่อของคณะ เรา เป็นชื่อของพระมารดามารีย์ เราจักต้องปฏิบัติตามรอยพระมารดาของเรา