ข้อคิดจากบทเทศน์เข้าเงียบ เดือน พฤษภาคม 2554

 


ความนอบน้อมเชื่อฟังตามแบบของพระมารดามารีย์


โดย คุณพ่อชาร์ลส์ เวลาร์โร SDB



ศีลบน 3 ประการ เป็นหัวใจของการดำเนินชีวิตนักบวช โดยการดำเนินชีวิตตามศีลบน 3 ประการทำให้หัวใจของนักบวชเป็นอิสระ

ศีลบนความนอบน้อมเชื่อฟัง เป็นสิ่งที่ฉีกเนื้อเรามากที่สุด

ความคิดที่หลากหลายในชีวิตหมู่คณะ อาจมองว่าเป็นความมั่งคั่งหรืออาจจะเป็นเป็นอุปสรรค

ชีวิตนักบวช เป็นชีวิตที่เป็นพยานถึงองค์พระเจ้าในโลกนี้ การเป็นพยานถึงองค์พระเจ้านับว่าเป็นหัวใจของการดำเนินชีวิตนักบวช

ในฐานะที่เราเป็นนักบวช เราต้องถามตัวเราเองว่า “เราแสวงหาอะไร” หากเราไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เราอาจประสบกับอุปสรรคในการดำเนินชีวิตนักบวช

เมื่อเราตัดสินใจเข้ามาดำเนินชีวิตนักบวช นั่นหมายถึง เราตัดสินใจเป็นพยานยืนยันถึงเมืองสวรรค์ด้วยการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา

หากเราพบว่าเราอยู่ในหมู่คณะแล้วเราไม่มีความสุข เราต้องหันกลับมามองใน 2 ส่วน คือ 1. ส่วนที่เราขอจากหมู่คณะ และ 2. ส่วนที่เราจะต้องให้แก่หมู่คณะ

ชีวิตหมู่คณะต้องแสดงออกให้เห็นถึงชีวิตที่มีความสุข เป็นความสุขที่เราเลือกที่จะมอบอุทิศตนทั้งครบแด่พระเจ้า

ชีวิตหมู่คณะ จะช่วยกล่อมเกลาให้ชีวิตนักบวชของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

คำถามเพื่อพิจารณาดูว่า ชีวิตของเรามีความสุขจริงหรือไม่

* เรากล้าที่จะบอกให้คนอื่นมาดูชีวิตนักบวชว่าเป็นอย่างไร

* กล้าเชิญคนอื่นมาอยู่ในหมู่คณะของเราหรือไม่

“ชีวิตหมู่คณะ” เป็นหัวใจของดำเนินชีวิตนักบวช

การดำเนินชีวิตปัจเจกบุคคลในหมู่คณะนักบวช เป็นสิ่งที่ผิดต่อการดำเนินชีวิตนักบวช เมื่อไหร่ที่เราแยกตัวออกจากหมู่คณะ อยู่เป็นเอกเทศเมื่อนั้นเราเลิกเป็นนักบวช

การดำเนินชีวิตนักบวชเราต้องดำเนินชีวิตด้วยความนอบน้อมเชื่อฟัง เป็นผู้ที่ทำงานในนามของพระเจ้า ผู้ใหญ่จะเป็นอย่างไร เรามีหน้าที่ต้องนอบน้อมเชื่อฟัง

การดำเนินชีวิตหมู่คณะ หากเราไม่อยู่ต่อหน้าพระเจ้า เราจะลืมตัวว่าเรากำลังเดินไปสู่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์

พระเจ้าของเป็นบิดาที่เต็มไปด้วยความรักเมตตา เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงรักเรา เราขอสิ่งใดพระองค์ประทานให้เรา

เรา เป็น ลูก เราก็ต้องปฏิบัติตัวเป็นลูกเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ทำตัวเป็นคนรับใช้ เมื่อนายไม่อยู่ก็ไม่ทำงาน ลักษณะการทำงานของลูกแตกต่างจากลักษณะการทำงานของคนงาน คือ ทำงานน้อย ได้เงินเยอะ และสะดวกสบาย

ในการดำเนินชีวิตหมู่คณะต้องมีทัศนคติของเราเป็นลูก

สิ่งที่ทำลายชีวิตหมู่คณะมากที่สุด คือ การแบ่งพรรค แบ่งพวก

เราต้องมีความตระหนักว่าทุกอย่างที่อยู่ในหมู่คณะเป็นของฉัน และฉันต้องรักษาหมู่คณะ

ลักษณะของชีวิตหมู่คณะ

* เราแสวงหาพระเจ้า และแสดงออกให้โลกเห็นด้วยชีวิตหมู่คณะของเรา

* ทุกคนแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ที่ต่างกัน “เรามีร่างกายเดียวแต่มีอวัยะหลายส่วน”

* การสวดภาวนาพร้อมกัน ทำหน้าที่ที่ภายใต้จิตตารมณ์และพระพรพิเศษของคณะ ซื่อสัตย์ด้วยการปฏิบัติตามพระวินัยและระเบียบปฏิบัติของคณะ

พระเจ้าทรงสอนเราฦ่า “ความจริงจะช่วยให้เราเป็นอิสระ” ความจริง คือ การเชื่อฟังพระเจ้า และเชื่อฟังผู้ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนของพระองค์

การเลือก แสดงว่า เราเห็นว่า เราว่าเชื่อว่า เขาจะเอาเสียงของพระเจ้ามาบอกเรา ในชีวิตนักบวชของเรา เราปฎิญาณว่าเราจะนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ของคณะ

พระมารดามาเรีย เป็นแบบอย่างให้แก่เราในการดำเนินชีวิตความนอบน้อมเชื่อฟัง แม่พระยอมรับด้วยความสมัครใจ แม้จะมีความเปลี่ยนแปลง

ผู้ใหญ่ถึงเราจะ “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” เราต้อง “เชื่อฟัง” ความเชื่อฟังอยู่เหนือความ “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ”

อย่าปฏิเสธคำสั่งของผู้ใหญ่ ซึ่งดูเหมือนว่าคำสั่งนั้นมีบางสิ่งบางอย่างจะทำให้เราลำบาก การปฎิเสธคำสั่งของผู้ใหญ่และบังคับให้ผู้ใหญ่ทำตามเรา สิ่งนี้เป็นอันตรายอย่างมากในการดำเนินชีวิตนักบวช

 

ดาวน์โหลดไฟล์ที่นี่